แม้ในเวลานี้เราจะยังไม่เห็นว่า Stadia มีศักยภาพที่ดีพอสำหรับเกมเมอร์แล้วหรือยัง แต่ผู้พัฒนาเกมค่ายใหญ่หลายค่ายต่างแสดงความมั่นใจว่ามันจะไปได้สวย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทาง Ubisoft ที่มั่นใจว่าความเสถียรของเซิฟเวอร์จาก Google นั้นจะช่วยนำพาวงการวิดีโอเกมไปสู่ยุคใหม่ได้ในที่สุด
จากบทสัมภาษณ์ในนิตยสาร MCV ฉบับล่าสุด ได้มีการสัมภาษณ์คุณ Alian Corre EMEA Excutive Director ของ Ubisoft ที่เขาได้พูดถึงความยอดเยี่ยมของ Stadia ด้วยเหตุผลสองข้าคือ การขยายฐานผู้เล่น และเป็นการนำพาวงการวิดีโอเกมไปสู่ยุคใหม่อย่างแท้จริง
“พวกเราเป็นผู้เริ่มใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ มากมายที่เพิ่งเปิดตัวมาตั้งแต่อดีตครับ ไม่ว่าจะเป็น Wiimote หรือ Kinect และผมรู้สึกว่าเทคโนโลยี Cloud Gaming นี้จะนำพาอะไรบางอย่างเข้ามาในอุตสาหกรรมเกม พวกเราชอบไอเดียที่ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ว่าจะใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ซื้อมาได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะซื้อแบบแผ่นหรือดาวน์โหลดมา นี่คือการมอบความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ให้พวกเขา และด้วยสิ่งนี้ทำให้เราสามารถมอบตัวเลือกอีกทางให้กับผู้เล่นได้”
” มีบางคนที่ไม่ชอบซื้อเกมแบบแผ่น หรือของแบบจับต้องได้ และบางประเทศก็ค่อนข้างจะชื่นชอบเกมที่เป็นแบบ Streaming มากกว่า ซึ่งก็มีอยู่เป็นจำนวนมากในโลกนี้ และ Streaming ก็ได้มอบสิ่งสำคัญให้เราสองอย่าง อย่างแรกคือการสร้างสรรค์เกมที่แตกต่างออกไป จากความเป็นไปได้ของเทคโนโลยี Cloud ที่จะทำให้เกิดยุคใหม่ของวงการเกมภายในสองถึงสามปี ด้วยเซิฟเวอร์ของมันจะช่วยให้ผู้สร้างใส่ AI, ตัวละคร, NPC และอื่น ๆ เข้าไปในเกมได้อีก”
“และอีกครั้งหนึ่งครับ การ Streaming อาจจะดึงดูดใครบางคนในบางประเทศที่ไม่เคยได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้มาก่อน ผมว่าส่วนผสมของสองสิ่งนี้จะช่วยให้ตลาดขยายใหญ่ขึ้นจากเดิม และเราก็ชอบในไอเดียนี้มาก”
“และใช่ครับ พวกเราคือกลุ่มบริษัทที่สนับสนุน Stadia มากที่สุด เพราะพวกเขา[Google] คือบริษัทแรกที่มุ่งหน้าไปสู่เทคโนโลยี Cloud Gaming อย่างแท้จริง ด้วยแรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลัง ทำให้พวกเราอยากจะสนับสนุนการริเริ่มนี้เป็นเจ้าแรก ๆ และเราก็มีเกมไปเปิดตัวบน Stadia อยู่ถึงเจ็ดเกมด้วยกัน พวกเราเชื่อว่าเทคโนโลยี Streaming นี้จะเติบโตขึ้น และได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในปีนี้ครับ”
นอกจากคุณ Corre ที่มองเห็นศักยภาพของ Stadia แล้ว ยังมีบุคคลสำคัญอีกหลายคนที่มองว่าการพัฒนาระบบ Data Center จะเพิ่มความได้เปรียบให้มากกว่าการเล่นเกมแบบปัจจุบันนี้ ด้วยการดึงพลังของเซิฟเวอร์ที่มีพลังในการคำนวณมากกว่า เช่น Swen Vincke CEO ของ Larian ผู้พัฒนา Divinity: Original Sin 2 นั่นเอง
“พวกเราเป็นผู้เริ่มใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ มากมายที่เพิ่งเปิดตัวมาตั้งแต่อดีตครับ ไม่ว่าจะเป็น Wiimote หรือ Kinect และผมรู้สึกว่าเทคโนโลยี Cloud Gaming นี้จะนำพาอะไรบางอย่างเข้ามาในอุตสาหกรรมเกม พวกเราชอบไอเดียที่ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ว่าจะใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ซื้อมาได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะซื้อแบบแผ่นหรือดาวน์โหลดมา นี่คือการมอบความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ให้พวกเขา และด้วยสิ่งนี้ทำให้เราสามารถมอบตัวเลือกอีกทางให้กับผู้เล่นได้”
” มีบางคนที่ไม่ชอบซื้อเกมแบบแผ่น หรือของแบบจับต้องได้ และบางประเทศก็ค่อนข้างจะชื่นชอบเกมที่เป็นแบบ Streaming มากกว่า ซึ่งก็มีอยู่เป็นจำนวนมากในโลกนี้ และ Streaming ก็ได้มอบสิ่งสำคัญให้เราสองอย่าง อย่างแรกคือการสร้างสรรค์เกมที่แตกต่างออกไป จากความเป็นไปได้ของเทคโนโลยี Cloud ที่จะทำให้เกิดยุคใหม่ของวงการเกมภายในสองถึงสามปี ด้วยเซิฟเวอร์ของมันจะช่วยให้ผู้สร้างใส่ AI, ตัวละคร, NPC และอื่น ๆ เข้าไปในเกมได้อีก”
“และอีกครั้งหนึ่งครับ การ Streaming อาจจะดึงดูดใครบางคนในบางประเทศที่ไม่เคยได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้มาก่อน ผมว่าส่วนผสมของสองสิ่งนี้จะช่วยให้ตลาดขยายใหญ่ขึ้นจากเดิม และเราก็ชอบในไอเดียนี้มาก”
“และใช่ครับ พวกเราคือกลุ่มบริษัทที่สนับสนุน Stadia มากที่สุด เพราะพวกเขา[Google] คือบริษัทแรกที่มุ่งหน้าไปสู่เทคโนโลยี Cloud Gaming อย่างแท้จริง ด้วยแรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลัง ทำให้พวกเราอยากจะสนับสนุนการริเริ่มนี้เป็นเจ้าแรก ๆ และเราก็มีเกมไปเปิดตัวบน Stadia อยู่ถึงเจ็ดเกมด้วยกัน พวกเราเชื่อว่าเทคโนโลยี Streaming นี้จะเติบโตขึ้น และได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในปีนี้ครับ”
นอกจากคุณ Corre ที่มองเห็นศักยภาพของ Stadia แล้ว ยังมีบุคคลสำคัญอีกหลายคนที่มองว่าการพัฒนาระบบ Data Center จะเพิ่มความได้เปรียบให้มากกว่าการเล่นเกมแบบปัจจุบันนี้ ด้วยการดึงพลังของเซิฟเวอร์ที่มีพลังในการคำนวณมากกว่า เช่น Swen Vincke CEO ของ Larian ผู้พัฒนา Divinity: Original Sin 2 นั่นเอง
ก็ต้องมาดูกันว่าสิ่งที่ Stadia จะนำพาไปนั้นจะสร้างแรกกระเทือนต่อวงการเกมในอนาคตได้มากน้อยแค่ไหนครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น